Quantcast
Channel: ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์
Viewing all 337 articles
Browse latest View live

คุณจุติมาศ อนุสาย


คุณภาริญ แอบเนียม

$
0
0

งานอาสาทำให้เรารู้สึกได้ว่า ‘การให้’ ทำให้เรามีความสุข ‘การแบ่งปัน’ เป็นสิ่งสวยงามที่สุดที่มนุษย์จะทำให้กับโลกใบนี้ได้

The post คุณภาริญ แอบเนียม appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

คุณปิยวรรณ เฉลิมฉัตรวณิช

คุณณัฎฐ์ธร กังวาลไกล

$
0
0

อยากเข้ามาเป็นอาสาเขียนของปันกัน เพราะรู้จักร้านปันกันมาก่อนแล้ว คิดว่าเป็นกิจกรรมที่น่ารักดี เลยคิดว่าน่าจะช่วยสนับสนุนถ้าไม่บริจาคของก็ทางใดทางนึงการได้เข้ามาทำตรงนี้ก็เลยเข้ากับ ‘สิ่งที่ตั้งใจไว้’

The post คุณณัฎฐ์ธร กังวาลไกล appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

คุณรินณพัชญ์ คงสุขศรีภัสร์

อยู่บ้านไม่มีเบื่อ เมื่อหันมาจัดบ้าน!! เก็บของเก่าไปบริจาค สร้างบรรยากาศใหม่ดีต่อใจ

$
0
0

ไหนใครต้องทำงานที่บ้าน #WorkFromHome ยกมือขึ้น!! โควิดก็กลัว แต่กักตัวอยู่บ้านโดยไม่ได้ออกไปไหนก็ทั้งเบื่อและเหงา แถมนานวันเข้าความเครียดก็สะสม เพราะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ไม่ได้พบเจอสิ่งใหม่ ๆ ไปเที่ยว หรือไปใช้ชีวิตอย่างที่เคยทำ ไลฟ์สไตล์ถูกจำกัดด้วยพื้นที่เล็ก ๆ เพียงไม่กี่ตารางเมตรเท่านั้น

แม้จะอยู่ในห้องเดิม บ้านเดิม แต่เชื่อไหมว่า.. ถ้าสภาพแวดล้อมเปลี่ยน ความรู้สึกของเราก็เปลี่ยนได้นะ เราจึงชวนชาวปันกันทุกคนมาจัดห้อง จัดบ้านตัวเอง เคลียร์ข้าวของที่เราไม่ใช้แล้ว หากใครเคยตั้งเป้าหมายนี้ไว้ตั้งแต่ต้นปี แต่อ้างว่าไม่มีเวลาสักที นี่เป็นโอกาสดีแล้วล่ะที่เราจะลงมือทำมันให้สำเร็จ!!

หากยังรู้สึกเสียดาย  ให้ลองนึกว่าจะดีแค่ไหนหากการบริจาคของสภาพดีที่เราไม่ได้ใช้เพื่อส่งต่อให้กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้มากกว่าเรา ทำให้ของชิ้นนั้นกลับมาะมีประโยชน์อีกครั้งแทนที่จะเก็บไว้เฉยๆ

บริจาคเสื้อผ้า

เริ่มกันที่ของใกล้ตัวที่สุดอย่างเสื้อผ้า สำหรับใครที่มีเสื้อผ้าล้นตู้ แฟชั่นไหนมาแรงก็ต้องซื้อเก็บไว้ ซื้อเยอะ ซื้อซ้ำ สอยมาครบทุกสีทุกแบบ หรือบางคนเก็บชุดเก่าที่ใส่ไม่ได้หรือไม่ได้ใช้แล้วเราอาจแยกกองออกเป็นเสื้อผ้าที่เราใช้อยู่ กับเสื้อผ้าที่เราไม่ใช้แล้ว จะเห็นได้ชัดเลยว่า ที่ผ่านมาเราเก็บเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นไว้มากแค่ไหน

บริจาคกระเป๋า / เครื่องประดับ

ด้วยความที่มีดีไซน์ให้เลือกมากมาย หลายคนจึงเลือกสะสมกระเป๋าหรือเครื่องประดับแบบต่าง ๆ จนรกห้อง หลักการนี้คล้ายกับเสื้อผ้าเลย คือการเก็บสิ่งที่ใช้บ่อยและจำเป็นกับเราเท่านั้น ทิ้งสิ่งที่ชำรุดเสียหายทิ้งไป และคัดแยกสิ่งที่ไม่ค่อยได้ใช้แต่ยังใช้งานได้ไปบริจาคที่เกิดประโยชน์ดีกว่า

บริจาคหนังสือ

หนอนหนังสืออาจจัดการสิ่งนี้ได้ยาก เพราะเมื่อเราหยิบหนังสือออกจากชั้นทีละเล่ม ๆ ปกนั้นก็สวย เล่มนี้ก็ดี จนตัดใจไม่ได้สักที เราขอแนะนำให้คุณเลือกเก็บหนังสือที่มีคุณค่าต่อใจมากจริง ๆ หรือบางเล่มที่ยังไม่ได้อ่านเลยและคิดว่าต้องอ่านแน่นอนไว้เท่านั้น ส่วนเล่มไหนที่อ่านแล้วไม่โดน แม้กระทั่งเล่มใหม่ที่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกสนใจเท่าตอนซื้อมาแล้ว เก็บใส่กล่องเตรียมบริจาคเคลียร์บ้านเลย

บริจาคตุ๊กตา / ของขวัญ / ของชำร่วย

ใน 1 ปีมีเทศกาลหรือวันสำคัญต่าง ๆ ที่เราต้องมอบและรับของขวัญตลอดทั้งปี หากไม่ได้ใช้งาน หรือจัดเก็บไม่ดีตั้งแต่แรก เราจะเห็นกองของเหล่านี้ใหญ่จนกินพื้นที่ในห้องไปมากทีเดียว ของบางชิ้นก็ยังใหม่และใช้งานได้ดีอยู่เลย อันไหนที่เราไม่ใช้หรือไม่จำเป็นกับเรา แยกไว้บริจาคเถอะ..ของร้อง!!

เมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นอกจากจะได้พื้นที่ห้องกลับคืนมา ได้ทำตามเป้าหมายที่เคยตั้งใจไว้ ยังช่วยคลายความเบื่อที่ต้องอยู่บ้านตลอด 24 ชม. อีกด้วย ส่วนสิ่งของสภาพดีที่ไม่ได้ใช้และคัดแยกไว้แล้ว สามารถนำมาบริจาคที่ปันกันได้เลย โดยเราจะนำสิ่งของที่คนบริจาคมาจำหน่ายในราคาย่อมเยา และนำเงินทั้งหมดมอบเป็นทุนการศึกษาให้น้อง ๆ ที่ขาดโอกาสใน มูลนิธิยุวพัฒน์ต่อไป

แต่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังน่าเป็นห่วงเช่นนี้ ใครที่กังวลไม่กล้าออกจากบ้าน สามารถส่งมาทางไปรษณีย์ที่ คลังสินค้าโครงการร้านปันกันโดยมูลนิธิยุวพัฒน์ เลขที่ 7 ซอยอ่อนนุช 90 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 หากเป็นสิ่งของชิ้นใหญ่ หรือมีจำนวนมากกว่า 5 ถุงดำขึ้นไป มีบริการรถปันที่ไปรับของถึงหน้าบ้าน ติดต่อนัดหมายได้ที่ โทร. 02 301 1096, 081 903 6639 หรือทางไลน์ @pankansociety เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

แม้หน้าร้านปันกันทุกสาขาจะปิดให้บริการชั่วคราว แต่ก็ยังสามารถนำไปบริจาคตามจุดตั้งกล่องปันกันตามองค์กร อาคาร หรือสถานศึกษาต่าง ๆ ได้เช่นกัน

ตรวจสอบจุดตั้งกล่องปันกัน คลิก https://bit.ly/2w9ol0A

บทความ : จุติมา อนุสาย

The post อยู่บ้านไม่มีเบื่อ เมื่อหันมาจัดบ้าน!! เก็บของเก่าไปบริจาค สร้างบรรยากาศใหม่ดีต่อใจ appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

ปันกันรับบริจาคสิ่งของสภาพดีทาง “ไปรษณีย์”

$
0
0

อีกหนึ่งช่องทางในการบริจาคสิ่งของให้ปันกัน ผู้ปันสามารถนำสิ่งของมาปันได้ที่คลังสินค้าแบ่งปันหรือ ส่งพัสดุไปรษณีย์มาตามที่อยู่นี้ 

โครงการร้านปันกัน โดย มูลนิธิยุวพัฒน์
เลขที่ 7 ซอยอ่อนนุช 90 เขตประเวศแขวงประเวศ กรุงเทพฯ 10250 
โทร 02 118 3968-9

บริจาคของ

The post ปันกันรับบริจาคสิ่งของสภาพดีทาง “ไปรษณีย์” appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

กระเป๋าผ้าปันกัน รุ่น minimal (ดำจุดขาว)

$
0
0
  • กว้าง 15 นิ้ว
  • สูง 13 นิ้ว
  • สายยาว 13 นิ้ว สายหิวได้ สะพานไหล่ก็ได้ค่ะ
  • ผลิตจากผ้าคอตตอนแคนวาส 100%

มีจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านปันกันทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่adminpankan@ybf.premier.co.th คิดน้ำหนักตามค่าจัดส่งจริง รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดมอบเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กขาดโอกาส ใน มูลนิธิยุวพัฒน์ค่ะ

The post กระเป๋าผ้าปันกัน รุ่น minimal (ดำจุดขาว) appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.


กระเป๋าผ้าปันกัน รุ่น minimal (เส้นดำสลับขาว)

$
0
0
  • กว้าง 15 นิ้ว
  • สูง 13 นิ้ว
  • สายยาว 13 นิ้ว สายหิวได้ สะพานไหล่ก็ได้ค่ะ
  • ผลิตจากผ้าคอตตอนแคนวาส 100%

มีจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านปันกันทุกสาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่adminpankan@ybf.premier.co.th คิดน้ำหนักตามค่าจัดส่งจริง รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดมอบเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กขาดโอกาส ใน มูลนิธิยุวพัฒน์ค่ะ

The post กระเป๋าผ้าปันกัน รุ่น minimal (เส้นดำสลับขาว) appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

NEW COLLECTION เสื้อยืดปันกัน Design by Whiteperand

$
0
0

สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ line : @932havpo รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดมอบเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กขาดโอกาส ใน มูลนิธิยุวพัฒน์ค่ะ

The post NEW COLLECTION เสื้อยืดปันกัน Design by Whiteperand appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

NEW COLLECTION เสื้อยืดปันกัน Design by ครูปาน สมนึก คลังนอก

$
0
0

สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ line : @932havpo รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดมอบเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กขาดโอกาส ใน มูลนิธิยุวพัฒน์ค่ะ

The post NEW COLLECTION เสื้อยืดปันกัน Design by ครูปาน สมนึก คลังนอก appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

พฤติกรรมอะไรจะเปลี่ยนไปบ้าง? เมื่อ “New Normal” กำลังก้าวเข้ามาในชีวิต

$
0
0

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อวีถีชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินชีวิตประจำวันของใครหลายคนต้องเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย หรือบางคนก็เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว จากไม่คุ้นเคยก็กลายเป็นความเคยชิน จนปฏิเสธไม่ได้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราไปแล้ว

ซึ่งนั่นคือนิยามของคำว่า “New Normal” แปลตรงตัวได้ว่า “ความปกติใหม่” นั่นเอง

บทความนี้ขอรวบรวมพฤติกรรมหรือการปฏิบัติตัวต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป เปรียบเทียบก่อนการเกิดโควิด-19 และในปัจจุบัน

1. ใกล้ชิดกับโลกออนไลน์มากขึ้น

เรียกได้ว่าอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องใกล้ตัว และเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราสักพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่มาวันนี้มันขยับเข้ามาใกล้เรามากกว่าเดิม เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจ ติดต่อสื่อสาร วีดิโอคอลกับคนที่รักที่คิดถึง เรียนหรือทำงานแบบออนไลน์ ฟังเพลง ดูหนัง ซีรีส์ ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชันแทนการไปธนาคาร ซื้อสินค้าทั้งอุปโภคหรือบริโภคเอง โดยเฉพาะการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันเดลิเวอรีต่าง ๆ รวมถึงผันตัวไปเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ซะเองผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย หรือกลุ่มฝากร้านต่าง ๆ ด้วย เห็นได้เลยว่าหลายคนที่เมื่อก่อนไม่คุ้นเคยกับโลกออนไลน์สักเท่าไร ก็ยังหันมาเรียนรู้และใช้มันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

2. เว้นระยะห่างทางสังคม

ในชีวิตประจำวันที่ต้องเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เรียนหรือทำงานในออฟฟิศที่มีคนรวมกลุ่มกันมากมาย การไปห้างสรรพสินค้า หรือเบียดเสียดกันในสถานบันเทิงและงานเทศกาลต่าง ๆ ถือว่าเสี่ยงมาก การเว้นระยะห่างทางกาย ไม่สัมผัส ไม่ใกล้ชิดกันเท่าแต่ก่อน ใช้เวลาอยู่บ้านของตนเองให้มากที่สุด นับว่าเป็นการลดสาเหตุการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้มากทีเดียว แถมช่วยให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น และลงมือทำอะไรบางอย่างที่เคยตั้งเป้าหมายไว้แต่ยังไม่เริ่มสักที

3. หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

การมีสุขภาพดีเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งในช่วงเวลานี้เชื่อว่าหลายคนคงหันมาใส่ใจสุขภาพตนเองเพิ่มขึ้นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบที่ชอบ ทั้งในสวนสาธารณะ สนามกีฬา หรือในบ้านตนเองก็ตาม เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีรูปร่างเป็นที่น่าพอใจ และช่วยคลายเครียดได้อีกด้วย นอกจากนี้ คนยังเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เหมาะกับตนเอง รวมไปถึงการเข้มงวดด้านสุขอนามัยเบื้องต้น เช่น การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ใช้เจลแอลกอฮอล์หลังสัมผัสสิ่งของในพื้นที่สาธารณะ หรือสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออกจากบ้าน

4. พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยเปลี่ยนไป

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจับจ่ายซื้อของในร้านทำให้เราได้เห็นและสัมผัสสินค้าจริง ๆ นั้น มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากกว่าการซื้อทางออนไลน์  แต่ในยุคนี้ที่อินเทอร์เน็ตอยู่ใกล้แค่เอื้อม เพียงหยิบสมาร์ตโฟนแล้วพิมพ์ชื้อสินค้าลงไป ข้อมูลมหาศาลจะหลั่งไหลเข้ามาให้กดดูแทบไม่ทัน แถมยังจ่ายเงินได้ง่ายผ่านแอปฯ ธนาคารในโทรศัพท์แค่ไม่กี่คลิก ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และเว้นระยะห่างทางสังคมกับผู้อื่นอีกด้วย

5. สนใจด้านการเงินมากขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมา มีคนได้รับผลกระทบทางการเงินจากโควิด-19 ไม่น้อยเลยทีเดียว บางคนถูกลดเงินเดือน ถูกลดค่าแรงรายวัน หรือถูกเลิกจ้าง การขาดรายได้ทำให้ชีวิตสะดุด ยิ่งถ้าไม่มีเงินเก็บแล้วอาจไปต่อได้ยาก การศึกษาด้านการเงินไว้จึงเป็นหนทางที่ดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤติหรือไม่ก็ตาม เช่น การจัดสรรรายรับให้สัมพันธ์กับรายจ่าย การออมเงินสำรองไว้ยามฉุกเฉิน กางลงทุนในกองทุน หุ้น หรือการซื้อประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง ฯลฯ 

นี่เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมมนุษย์ที่คาดว่าจะกลายเป็น “New Normal” หลังจากโควิด-19 หมดไป ไม่แน่ใจว่าสิ่งไหนยังคงอยู่ หรืออะไรหายไป แต่เชื่อเถอะว่า นี่อาจจะเป็นหนทางแห่งการปรับตัวที่ดีในยุคนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ปันกันขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เผชิญปัญหามีพลังบวกในตนเอง ประคับประคองความรู้สึกของคนรอบข้าง และมาผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน

บทความ : จุติมา อนุสาย

ภาพประกอบ Freepik

The post พฤติกรรมอะไรจะเปลี่ยนไปบ้าง? เมื่อ “New Normal” กำลังก้าวเข้ามาในชีวิต appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

ขยะบ้านลดลงได้ ถ้าเราใส่ใจและรีไซเคิลให้ถูกวิธี

$
0
0

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ปัญหาของ “ขยะพลาสติก” ยังคงเป็นหนึ่งในวิกฤตระดับโลกที่ยังคงส่งผลกระทบต่อชีวิตของทั้งคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ที่จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ที่ผ่านมาในอดีต แม้ว่าประเทศไทยจะเคยอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก รองจากจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และศรีลังกา เนื่องจากคนไทยสร้างขยะกว่า 27 ล้านตัน และจำนวน 2 ล้านตันนั้นคือขยะพลาสติก ทำให้มีเพียงแค่ 1 ใน 4 ส่วนที่สามารถเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายได้ หรือเท่ากับว่ายังมีขยะพลาสติกที่กำจัดไม่ได้สูงถึง 1.5 ล้าตันต่อปี ซึ่งโดยปกติแล้วขยะเหล่านี้ต้องใช้เวลาย่อยสลายนานกว่า 400 ปี ทำให้มีขยะบางส่วนสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวางแนวทางและมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยมุ่งเน้นการ “ลดและเลิก”

เริ่มต้นง่ายๆจากตัวเองและคนในครอบครัวของเราก่อน เพื่อเป็นการทดลองให้เห็นภาพและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเลยได้ทำการคัดกรองและแยกขยะแบบง่ายๆของที่บ้านภายในระยะเวลา 7 วัน โดยเริ่มจากนำขยะแห้งที่เก็บแยกไว้ได้เช่น กล่องกระดาษ ถุงพลาสติก ขวดบรรจุภัณฑ์ที่ใช้หมดแล้ว บรรจุภัณฑ์ที่ได้จากการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ขวดแก้วต่างๆ ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าขยะในบ้านของเราโดยเฉพาะช่วงกักตัวและ work from home แบบนี้มีปริมาณเยอะมากกว่าปกติ 

ครั้งนี้เลยทำการคัดเลือกขยะง่ายๆ โดยแบ่งเป็นหมวดที่ยังสามารถนำกลับมาใช้ต่อได้ หรือ recycle ใหม่อีกครั้ง แบ่งกลุ่มขยะให้ชัดเจนเพื่อส่งต่อให้กับคนที่ต้องการนำไปขายหรือนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ดังนั้นสำหรับบ้านไหนที่ยังใช้วิธีแบบมีถังขยะเพียงใบเดียว หรือหลายใบแต่ทิ้งรวมทุกสิ่งอย่างลงไปไม่ทำการแยกตั้งแต่แรก ขอแนะนำเลยว่าให้ลองจัดหมวดแยกขยะเป็นประเภทตั้งแต่แรกง่ายๆ ได้แก่ 

  1. ขยะย่อยสลายได้ เช่น เศษอาหาร พืชผัก ขยะที่สามารถนำไปผ่านกระบวนการให้กลายเป็นปุ๋ยได้ 
  2. ขยะรีไซเคิล เช่น กระดาษ ขวดพลาสติก แก้ว เศษเหล็ก   
  3. ขยะทั่วไป คือบรรดาขยะที่ย่อยสลายยาก และไม่คุ้มต่อการรีไซเคิล เช่น ถุงพลาสติก หลอด  
  4. ขยะพิษหรือขยะอันตราย เช่น หลอดไฟ กระป๋องสี กระป๋องยาฆ่าแมลง 

ซึ่งข้อดีของการที่เราแยกขยะนั้น อย่างแรกคือทำให้เราจัดหมวดหมู่ขยะต่างๆชัดเจน ก่อนที่จะถูกส่งต่อเพื่อไปผ่านกระบวนการกำจัดขยะที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดการเกิดปัญหาขยะสะสมจนทำให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระยะยาว ที่สำคัญคือทุกๆบ้านไม่ควรหมักหรือเก็บขยะไว้ในเวลานาน ดังนั้นเราควรหมั่นจัดการขยะและจัดให้เป็นระบบระเบียบในทุกๆวัน และจะพบว่ายังมีขยะหลายชิ้นที่ยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วนได้อีกด้วย

นอกจากที่เรายังสามารถช่วยลดขยะกันได้ Anywhere Anytime หรือเรียกได้ว่าทุกที่ทุกเวลา การจัดระบบระเบียบของใช้ภายในบ้านคัดแยกให้เรียบร้อยก็จะสามารถได้ของที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว แต่ยังมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆ นำไปบริจาคเพื่อต่อยอดโอกาสมากมายให้กับสังคมและคนรอบข้าง เช่นการบริจาคผ่านร้านปันกัน เงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้าภายในร้านยังส่งมอบต่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ขาดโอกาส ให้น้องๆได้เรียนหนังสือต่อ

หากทุกคนมีความใส่ใจและมีความตระหนักไว้ว่าเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยประเทศได้แค่เพียงเริ่มจากตัวเราเอง เช่น หลีกเลี่ยงการใช้จานชามจากโฟมหรือพลาสติกที่เป็นการใช้เพียงครั้งเดียวไม่สามารถนำไปใช้ซ้ำได้ เลือกพกบรรจุภัณ์หรือเครื่องใช้ต่างๆเองไม่ว่าจะเป็น กล่อง แก้ว หรือหลอด นอกจากจะช่วยลดขยะพลาสติกแล้ว หลายๆที่ยังมีส่วนลดพิเศษให้ด้วยนะ คัดแยกสิ่งของที่สามารถนำไปบริจาคได้และ สุดท้ายคือการหัดพกถุงผ้าติดตัวไว้อยู่เสมอ ทางปันกันมีจำหน่ายด้วยนะ ลายน่ารักมากๆ ในราคาย่อมเยา​ โดยรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายถุงผ้านำไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้เด็กขาดโอกาสต่อไป เพียงเท่านี้เราก็สามารถลดขยะพลาสติกได้ในชีวิตประจำวัน แถมยังได้สร้างโอกาสให้กับคนอื่นๆด้วย 

ทุกปัญหาและสังคมเราจะดีขึ้นได้ ถ้าเราคนไทยทุกคนช่วยกัน

บทความ : พลอยภาวัน เอี่ยมรุ่งโรจน์

อ้างอิง : www.prachachat.net

The post ขยะบ้านลดลงได้ ถ้าเราใส่ใจและรีไซเคิลให้ถูกวิธี appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

“ปันกัน”ใส่ใจในบริการและความสะอาด เพื่อความปลอดภัยของผู้ปันทุกท่าน

$
0
0

ร้านปันกัน พร้อมเปิดให้บริการตามปกติทุกสาขา เพื่อความปลอดภัยของผู้ปันที่จะเข้ามาใช้บริการ ปันกันจึงมีมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด – 19 ดังนี้

ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานและการให้บริการ

  • เจ้าหน้าที่ภายในร้าน คลังสินค้า และโลจิสติกส์สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน ได้แก่ หน้ากากอนามัย/face shield/ถุงมือ รวมถึงการรักษาความสะอาด ล้างมือด้วยเจลทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจวัดอุณหภูมิก่อนปฏิบัติงานหากพบว่ามีอุณหภูมิสูงเกิน 37.5 องศา หรือมีภาวะเสี่ยงอื่นๆ ให้หยุดปฏิบัติงานทันที
  • รักษาระยะห่างในการให้บริการแก่ผู้ปัน
  • พนักงานได้รับคำแนะนำและตระหนักรู้ในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขทั้งในการทำงานและชีวิตประจำวัน

รักษาความสะอาดบริเวณร้านและสินค้าแบ่งปัน

  • ทำความสะอาดบริเวณร้าน พื้นที่สัมผัสบ่อยและตระกร้าใส่ของ ฯลฯ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก2 ชั่วโมง
  • สินค้าแบ่งปันได้รับการทำความสะอาดก่อนนำขึ้นจัดวางในร้าน และทำความสะอาดระหว่างวันทุก 2 ชั่วโมง
  • บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ บริเวณหน้าร้านจุดชำระเงิน หรือตามจุดต่างๆ ภายในร้าน

ลดการสัมผัส ลดความเสี่ยง

  • จัดเตรียมถาดสำหรับการรับ ทอนเงินและการชำระผ่าน E-payment และ QR code

ลดความแออัดของพื้นที่รักษาระยะห่าง

  • จำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการในแต่ละสาขาตามข้อกำหนด 1 คนต่อ 5 ตรม.
  • จัดให้มีฉากกั้นแยกส่วนบริเวณเคาเตอร์แคชเชียร์
  • ทำสัญลักษณ์ กำหนดระยะห่าง 1-2 เมตรตามความเหมาะสมของพื้นที่

สำรวจสาขาปันกัน คลิก https://pankansociety.com/pankan-branch

The post “ปันกัน” ใส่ใจในบริการและความสะอาด เพื่อความปลอดภัยของผู้ปันทุกท่าน appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

ภัยเงียบ! เอะอะก็เสียดาย สุดท้ายอาจเข้าข่ายกลายเป็นโรค Hoarding Disorder

$
0
0

เคยไหมว่าวันนี้ สมาชิกในบ้านตั้งใจจะเก็บบ้านอย่างจริงจังเสียที แต่พอถึงเวลานั่งลงคัดแยกของทำไมกลายเป็นทิ้งอะไรไม่ได้มาก หรือสุดท้ายก็กลับไปเก็บเหมือนเดิม นั่งทะเลาะกันอยู่นานระหว่าง “ทีมเก็บ” กับ “ทีมทิ้ง

Hoarding Disorder เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่ง ถือเป็นโรคทางจิตเวชชนิดใหม่ พบได้ทั่วไป 2-5 เปอร์เซ็นต์ ทางการแพทย์อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่าเข้าข่ายเป็นโรคชอบเก็บและสะสมสิ่งของ Hoarding Disorder มีอาการที่ชัดเจนตรงที่อยากเก็บข้าวของทุกชิ้นเอาไว้ ตัดใจทิ้งไม่ลงสักอย่าง ไม่เพียงแค่ทิ้งไม่ลง แต่คิดด้วยว่าสักวันหนึ่งของที่เก็บเหล่านั้นจะมีประโยชน์หรือได้ใช้ในอนาคต ทว่าสุดท้ายก็เก็บจนรกบ้านช่องห้องหอไม่มีพื้นที่แม้แต่จะเดิน  

อาการของความผิดปกติที่เรียกว่า Hoarding Disorder ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้น แต่อาการนี้ต้องอาศัยระยะเวลายาวนานมาก เริ่มเป็นตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นและค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  ตัวชี้วัดอีกอย่างคือข้าวของที่รกรุงรังและจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่เพียงแค่โรคแต่หมายถึงสุขภาพที่ย่ำแย่และอุบัติเหตุ

เพราะการเก็บสิ่งของไว้เยอะๆ หมักหมมสุ่มอยู่ บวกกับความชื้นในห้องมีผลต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้ ข้าวของที่ระเกะระกะอยู่ตามพื้นยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วย มิหนำซ้ำ หากคนรอบข้างไม่เข้าใจหรือไม่รู้ว่านี่คืออาการของโรคอย่างหนึ่ง อาจหนักข้อกลายเป็นมานั่งทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีปากเสียงกับคนที่เอาข้าวของไปทิ้งโดยไม่บอกกล่าวเลยก็ได้

ถ้าเขาข่าย Hoarding Disorder และอาการหนักถึงขั้นบ้านไม่มีแม้แต่ทางเดิน หรือบ้านเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ค่อยๆ ตะล่อมรีบพาคนไข้ไปหาหมอดีกว่า จิตแพทย์คือฮีโร่ที่จะช่วยได้ดีที่สุด หมออาจใช้วิธีบำบัดพฤติกรรมและความคิด หรือรักษาด้วยยา 

แต่ถ้าหากคุณอยากเกลี้ยกล่อมเขาดูสักตั้ง ก่อนอื่นก็คงต้องเริ่มต้นด้วยความเข้าใจในความเป็นโรคชอบสะสมสิ่งของนี้เสียก่อน สิ่งของที่หมักหมมอยู่นั้นอาจไม่ใช่แค่สิ่งของธรรมดา แต่อาจเป็นความทรงจำของเขา หรือของบางชิ้นอาจที่มีที่มาที่ไป กระทั่งมีเรื่องราวซ่อนอยู่ 

เมื่อคุณเข้าไปในโลกของคนที่เป็นโรคนี้ได้แล้ว ลองเริ่มชักชวนเขาคัดแยกสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่  และเทคนิคที่โด่งดังในการคัดและจัดแยกสิ่งของในบ้านคือเทคนิคการจัดบ้านแบบคมมาริ (Konmari) เจ้าของแนวคิดนี้เกิดขึ้นโดย Marie Kondo เจ้าของหนังสืออันโด่งดังชื่อ ‘The Life- Changing Magic of Tidying up’ เทคนิกคมมาริเป็นการจัดเก็บข้าวของที่เน้นการคัดแยกสิ่งของว่าสิ่งไหนจะเก็บไว้ และสิ่งไหนที่ต้องทิ้งไป พร้อมกับการชวนให้ฝึกคิดทบทวนตัวเอง สร้างทัศนคติใหม่ ๆ ในการลด ละ เลิก พฤติกรรมแบบเดิมที่ทำให้เกิดปัญหา คุณและเขาอาจนั่งลงและแบ่งข้าวของให้เป็นหมวดหมู่ ได้แก่ กองเสื้อผ้า กองหนังสือ กองเอกสาร และของจิปาถะอื่น ๆ โดยหมวดหมู่ที่เข้าข่ายของที่มีคุณค่าทางจิตใจจะทำการดูแลมันเป็นลำดับท้ายๆ  และควรเลือกจัดให้เสร็จไปทีละหมวดหมู่

แม้ว่าจะอาจตัดใจทิ้งได้ยากลำบาก แต่สิ่งที่จะมาตัดสินว่าสิ่งไหนควรทิ้ง สิ่งไหนควรยังอยู่คือเมื่อหยิบขึ้นมาแล้วสิ่งนั้นทำให้มีความสุขหรือไม่ หากชิ้นไหนหยิบขึ้นมาแล้วจุดประกายความสุขแบบที่ในหนังสือบอกว่า Spark Joy ก็เก็บไว้ แต่ถ้า “ไม่” ก็จัดการทิ้งเสีย  แม้ว่าข้าวของหมวดหมู่ที่ทรงคุณค่าต่อจิตใจจะตัดใจทิ้งยากหน่อย หรือรู้สึกลังเลเสียดายจนทิ้งไม่ลงบ้าง แต่เมื่อฝึกแบ่ง แยกแยะ และค่อยๆ ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้ง นานเข้าต่อมแยกแยะว่าของชิ้นไหน Spark Joy จริงๆ หรือไม่ก็จะดีขึ้น หรืออีกวิธีที่จะช่วยให้ความรู้สึกของการทิ้งนั้นยังไม่ได้หายไปเสียทั้งหมด คือ การนำสิ่งของที่คัดออกและไม่ Spark Joy นั้นไปหย่อนลงในกล่องรับบริจาคตามสถานที่รับบริจาคทั้งหลาย ไม่ว่าจะรับบริจาคเสื้อผ้า รับ บริจาคหนังสือ บริจาคสิ่งของเหลือใช้ เป็นต้น ก็จะช่วยลดปริมาณข้าวของลงได้โดยที่ยังมีความรู้สึกว่าสิ่งของยังอยู่ และเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวจิตหัวใจ 

การแบ่งแยกหมวดหมู่สิ่งของเป็นหนึ่งเทคนิกที่ช่วยลดปริมาณสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ และไม่แน่ว่าอาการ Hoarding Disorder อาจหายไปพร้อมๆ กับของที่ไม่ Spark Joy  ก็ได้ แบบนี้เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลย 🙂

บทความ : รินณพัชญ์ คงสุขศรีภัสร์

ภาพประกอบ : 9NEWS จากคลิป What is hoarding disorder?

The post ภัยเงียบ! เอะอะก็เสียดาย สุดท้ายอาจเข้าข่ายกลายเป็นโรค Hoarding Disorder appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.


บริจาค “ของเล่น” ส่งต่อยังไงให้ปลอดภัย

$
0
0

ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองหรือเป็นวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงที่กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หากค้นพบว่า “ของเล่น” ที่เล่นมาตั้งแต่เด็กกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นที่จะเก็บไว้นักในขณะนี้ จะเอาไปไว้ในตู้หรือชั้นเก็บของก็อาจจะไม่มีที่เก็บ จะเอาไปทิ้งเฉยๆ ก็เสียดาย จะเอาไปขายต่อก็ไม่มีเวลา หรือจะเอาไปให้เพื่อนก็อาจจะมีลูกโตกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ทางออกที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับของเล่นแบบมีประโยชน์ก็คงไม่พ้นการบริจาค

ก่อนจะบริจาคของเล่น อย่างแรกที่ต้องทำก็คือตั้งธงไว้เลยว่า “ให้ของเล่นแก่เด็กคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็จะต้องทำเหมือนมอบของเล่นให้กับลูกหรือหลาน ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในทุกๆ ด้าน” เช่น วัสดุที่ใช้ผลิตของเล่นจะต้องไม่ทำจากสารตะกั่วหรือสารอันตรายอื่นๆ

ขั้นตอนแรก คือ ดูสภาพความเรียบร้อยของของเล่น ยิ่งของที่มีอายุมากก็ยิ่งต้องดูถึงสภาพความปลอดภัยโดยรวมให้มาก เช่น มีชิ้นส่วนที่หักแล้วมีมุมแหลมคมอันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือไม่ หรือตุ๊กตาอาจจะมีส่วนที่หลุดได้แล้วเด็กสามารถดึงเอามาใส่เข้าปากได้หรือเปล่า มีสีที่หลุดลอกออกมาบ้างไหม หากพบว่ามีส่วนที่ชำรุดก็ต้องทำการซ่อมแซมครับ แต่ถ้าหากว่าซ่อมแซมไม่ได้ก็อาจจะจำเป็นจะต้องทิ้งไป เพราะคงจะไม่เหมาะกับการบริจาคสักเท่าไหร่ 

ขั้นตอนที่สอง เมื่อได้ของเล่นที่สภาพดีแล้ว ก็ต่อด้วยการทำความสะอาด ถ้าเป็นตุ๊กตาก็ต้องเอาไปซัก ถ้าเป็นของเล่นไม้หรือพลาสติก ต้องทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์หนึ่งรอบ แล้วก็ตามด้วยการล้างน้ำเปล่าอีกสักรอบ หรือจะมากกว่านั้นก็ได้ จนกว่าจะรู้สึกแน่ใจว่าของเล่นสะอาดเอี่ยมเป็นที่น่าพอใจแล้ว 

ขั้นตอนที่สาม คือ การแยกประเภทของเล่นว่าเหมาะกับช่วงอายุเท่าไหร่ ถ้าหากยังเก็บใส่กล่องดั้งเดิมไว้ก็ดูจากข้างกล่องได้ หรือถ้าไม่มีกล่องแล้วก็อาจจะเทียบเอากับของเล่นที่หน้าตาคล้ายๆ กัน ที่ต้องเช็คอายุที่เหมาะกับของเล่นก่อนก็เพราะว่าเมื่อถึงเวลาที่บริจาค ก็จะระบุได้อย่างชัดเจนว่าของเล่นอันนี้เหมาะกับวัยไหน เราอาจจะทำกล่องหรือหากล่องขึ้นมาใหม่แล้วเขียนตัวหนังสือกำกับไว้บนกล่องชัดเจนก็ได้ว่า ของเล่นเหล่านี้เหมาะสำหรับเด็ก 3-5 ขวบ จะช่วยให้ของเล่นไปถึงมือของเด็กที่เหมาะสมกับของเล่นนั้นๆ ได้อย่างง่ายดายขึ้น 

หรืออาจจะทำให้ละเอียดกว่านั้น โดยการแยกตามลักษณะของของเล่นได้ด้วยยิ่งดี เช่น ของเล่นนี้ส่งเสริมการใช้ทักษะด้านศิลปะแบบพวกตัวต่อ หรือเป็นของเล่นให้เล่นสนุกเฉยๆ แบบหุ่นยนต์หรือหุ่นไดโนเสาร์ ผู้ที่สนใจอยากได้ของเล่นไปให้ลูกหรือหลานก็จะได้รู้ว่า ของเล่นนั้นเหมาะกับที่กำลังตามหาอยู่หรือไม่

การบริจาคของเล่นไม่ว่าจะเป็นของเล่นที่เน้นความสนุกสนานสร้างจินตนาการอย่างตุ๊กตุ่นหุ่นรบหรือของที่ฝึกทักษะอย่างเครื่องดนตรีเล็กๆล้วนมีประโยชน์ต่อเด็กๆด้วยกันทั้งสิ้น เด็กไม่ได้ต้องการเพียงการเรียนรู้เพื่อที่จะเติบโตอย่างมีปัญญาเท่านั้นแต่ยังต้องการที่จะเพาะบ่มซึ่งจินตนาการที่จะเป็นตัวช่วยในการผลักดันชีวิตของเราให้ดำเนินไปด้วยความสร้างสรรค์และมีความฝันที่สวยงามต่อไปในอนาคต

บริจาค

บทความ : ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล

รูปภาพ : www.pexels.com

The post บริจาค “ของเล่น” ส่งต่อยังไงให้ปลอดภัย appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

บริจาคมือถือและแท็บเล็ต ผ่านแคมเปญ “มือถือนี้พี่ให้น้อง (เรียน)”

$
0
0

จากสถานการณ์โควิด19 ส่งผลกระทบต่อนักเรียนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ที่ไม่สามารถเรียนหนังสือและเข้าไม่ถึงการเรียนในระบบออนไลน์ เนื่องจากขาดแคลนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเรียน

อยากเชิญชวนพี่ๆ ผู้ใหญ่ใจดี มาร่วมบริจาคมือถือและแท็บเลตสภาพดีที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือน้องๆ ที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ในสถานการณ์เร่งด่วนนี้กับโครงการ ร้อยพลังการศึกษา  ผ่านแอพพลิเคชั่น Anywhere  “Online Blended Learning”  ที่ให้น้องๆ ได้เข้าถึงการเรียนผ่านระบบออนไลน์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในช่วงสถานการณ์โควิด19และต่อเนื่องไปหลังจากสถานการณ์กลับมาปกติ เพื่อสร้างการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ “ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็เรียนได้” ที่จะทำให้การเรียนไม่ถูกเว้นระยะห่างอีกต่อไป ผ่านการเรียนที่ใกล้ชิดกับครูผู้สอนเสมือนห้องเรียนจริง โดยครูสามารถประยุกต์การเรียนระบบออนไลน์ควบคู่ไปกับการสอนแบบปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนได้อย่างเต็มที่

บริจาคได้แล้ววันนี้ – 30 มิถุนายน 2563

ที่ร้านปันกันทุกสาขา สาขาปันกัน คลิก! https://pankansociety.com/pankan-branch

หรือส่งพัสดุไปรษณีย์มาได้ที่  โครงการร้านปันกัน โดย มูลนิธิยุวพัฒน์ เลขที่ 7 ซอยอ่อนนุช 90 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร 02 118 3968-9

โครงการร้อยพลังการศึกษาคืออะไร?

โครงการร้อยพลังการศึกษา เป็นการรวบรวมองค์กรที่ทำงานเพื่อพัฒนาการศึกษาในด้านที่ต่างกันร่วมกันไป  ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาการเข้าถึงการศึกษา คุณภาพการเรียนการสอน และเพิ่มทักษะชีวิต ให้แก่เด็กด้อยโอกาส โรงเรียนเครือข่ายจำนวน 84 โรงเรียน ใน 30 จังหวัด และดูแลนักเรียนมากกว่า 15,000 คนทั่วประเทศ)  โดยร้อยพลังการศึกษามุ่งเน้นการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการศึกษาและพัฒนาเยาวชน ที่มีตัวอย่างความสำเร็จว่าสามารถเกิดประโยชน์กับตัวเด็กได้ทันที

Online Blended Learning  คืออะไร? ต่างกับการเรียนออนไลน์ปกติยังไง?

ผ่านแอพพลิเคชั่น Anywhere  “Online Blended Learning”  ที่ให้น้อง ๆ ได้เข้าถึงการเรียนผ่านระบบออนไลน์ฟรี ในช่วงโควิดและต่อเนื่องต่อไปหลังจากสถานการณ์กลับมาปกติ เพื่อสร้างการเรียนรู้ ในรูปแบบใหม่ “ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็เรียนได้” ที่จะทำให้การเรียนไม่ถูกเว้นระยะห่างอีกต่อไป ผ่านการเรียนออนไลน์ที่ใกล้ชิดกับครูผู้สอนเสมือนห้องเรียนจริง โดยครูสามารถประยุกต์การเรียนระบบออนไลน์ควบคู่ไปกับการสอนแบบปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ 

รุ่นคุณสมบัติมือถือและแท็บเล็ตต้องเป็นแบบไหน? 

ขอแค่เป็นมือถือและแท็บเล็ตในสภาพดี ที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ (หากเป็นไปได้ขออายุไม่เกิน 5 ปี)

ต้องให้มาพร้อมอุปกรณ์สายชาร์ตหรือไม่?

หากมีสายชาร์ตแบตและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ยินดีรับทั้งหมดค่ะ แต่หากไม่มีก็สามารถส่งแค่มือถือและแท็บเล็ตมาได้ค่ะ

ต้องการจำนวนมือถือและแท็บเล็ตปริมาณเท่าไหร่เพื่อส่งต่อน้อง?

เราต้องการมือถือและแท็บเล็ตประมาณ 6,000 เครื่อง (จากการทำแบบสำรวจเบื้องต้น พบว่า มีนักเรียนที่พร้อมจะเรียน Online มีอุปกรณ์และสัญญาณ internet พร้อม ประมาณ 60% จากนักเรียนทั้งหมดประมาณ 15,000 คน ทางโครงการจึงจำเป็นต้องสรรหาอุปกรณ์การเรียน ซึ่งสามารถเป็น smart phone หรือ tablet รุ่นทั่วไป ที่มีอายุไม่เกิน 5-6 ปี โดยนักเรียนสามารถ load application ลงในเครื่องได้ เพื่อช่วยเหลือนักเรียนประมาณ 40%  ทั้งหมดประมาณ 6,000 คน)

มือถือและแท็บเล็ตนี้เป็นสมบัติขิองใคร? 

ทางโครงการร้อยพลังการศึกษาจะบริจาคให้เป็นสมบัติของโรงเรียน  และส่งต่อสู่นักเรียนในระบบยืมเรียน

หากเครื่องพังเสียหายจัดการอย่างไร?

ทางโรงเรียนเป็นผู้ดูแลในการซ่อมบำรุงและทำสัญญาร่วมกับนักเรียน ตามแนวทางการดูแลของโรงเรียนนั้น ๆ 

ถ้าเป็นเครื่องมือสองจะมั่นใจเรื่องความปลอดภัยและมีการคัดกรองเครื่องยังไง?

ทางโครงการร้อยพลังการศึกษาจะมีการคัดกรองเครื่องที่สภาพพร้อมใช้งานและทำการล้างข้อมูล รีเซ็ตระบบใหม่ ก่อนจะจัดส่งบริจาคให้ถึงมือโรงเรียนและน้องๆ 

คัดเลือกโรงเรียนและนักเรียนที่จะให้อุปกรณ์จากเกณฑ์อะไร?

ทางโครงการร้อยพลังการศึกษามีการประเมินจากแบบสำรวจความพร้อมของนักเรียน และจัดลำดับความสำคัญจากโรงเรียนจากความร่วมมือในการใช้โปรแกรม “Online Blended Learning”  

กำลังจะเปิดเทอมปกติแล้วมือถือและแท็บเล็ตที่บริจาคไปจะได้ประโยชน์ต่อน้องๆทันเวลาหรือไม่? หรือเป็นโครงการระยะสั้นหรือระยะยาว?

น้องๆ จะได้เรียนผ่านแอพพลิเคชั่น Anywhere  “Online Blended Learning”  ในช่วงสถานการณ์โควิดและต่อเนื่องต่อไปหลังจากสถานการณ์กลับมาปกติ เพื่อสร้างการเรียนรู้ ในรูปแบบใหม่ “ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็เรียนได้” ผ่านการเรียนออนไลน์ที่ใกล้ชิดกับครูผู้สอนเสมือนห้องเรียนจริง โดยครูสามารถประยุกต์การเรียนระบบออนไลน์ควบคู่ไปกับการสอนแบบปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่  โดยเป็นโครงการระยะยาวในการสนับสนุนน้อง ๆ นักเรียนการปรับสู่การเรียนในรูปแบบใหม่

มีการติดตามและประเมินผลการเรียนของน้องๆอย่างไรบ้าง?

ทางโครงการร้อยพลังการศึกษาจะมีรายงานการติดตามผลการเรียนของนักเรียนเป็นรายบุคคลการการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและการเติบโตของการเรียน  

ถ้าต้องการบริจาคเป็นจำนวนเงินแทนการบริจาคมือถือและแท็บเล็ตได้หรือไม่? มีช่องทางการบริจาคอื่นๆอีกหรือไม่? 

สามารถบริจาคเพื่อสนับสนุนโครงการผ่านทางเว็บไซต์ ร้อยพลังการศึกษา  https://donate.tcfe.or.th/donate

และช่องทางการร่วมบริจาค  โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร  ธ.กสิกรไทย สาขาพาราไดซ์ ปาร์ค ชื่อบัญชี: มูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อโครงการร้อยพลังการศึกษา   เลขที่บัญชี 030-3-79257-0

ติดต่อสอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติมได้ที่ไหน?

โครงการร้อยพลังเปลี่ยนประเทศ มูลนิธิเพื่อคนไทย โทร. 02-301-1117 ,083-496-6267   อีเมล์ tcfe@ybf.premier.co.th Facebook : ร้อยพลังการศึกษา  Website : www.tcfe.or.th

The post บริจาคมือถือและแท็บเล็ต ผ่านแคมเปญ “มือถือนี้พี่ให้น้อง (เรียน)” appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

ของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ เกิดใหม่ได้ด้วยการ Reuse ซ้ำแล้วซ้ำอีก

$
0
0

บางคนอาจจะมีของใช้แล้วมากมายหลายอย่างไว้ในการครอบครอง โดยที่ลืมไปว่าบางอย่างที่เราใช้งานจน (ตัวเราเอง) คิดว่าเปื่อยไปแล้ว จนคิดว่าเอาไปทำไรต่อไม่ได้ แต่จริงๆ ยังมีประโยชน์ได้อีก ถ้าหากว่าเรามองสิ่งของเหล่านั้นผ่านหลักการ Reuse หรือ Recycle ที่ถูกต้องเหมาะสม

www.freepik.com

เพราะทรัพยากรในโลกมีอยู่จำกัด แต่มนุษย์เราไม่เคยมีการหยุดบริโภคเลย เรื่องเหล่านี้ได้สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมแม้จะมีวันที่ 5 มิถุนายนเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกทุกปี ความตระหนักถึงปัญหาของสภาพแวดล้อมที่เสื่อมถอย ก็ไม่ควรเกิดขึ้นแค่วันเดียว ที่ผ่านมา หลายๆ องค์กรพยายามปลูกฝังแนวคิดเรื่องการ reuse เพื่อลดการบริโภค ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วนอกจากทำให้เราประหยัดเงิน มันยังทั้งง่าย สะดวกสบาย และสนุกอีกด้วย

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ขวดพลาสติดที่เราดื่มน้ำหมดแล้ว นำมา reuse ทำโมบายตกแต่งบ้านหรือทำกระถางต้นไม้ใบจิ๋วสำหรับใส่ต้นไม้ต้นเล็กๆบนโต๊ะทำงานที่ออฟฟิศก็น่ารักไปอีกแบบหรือจะเป็นกล่องเหล็กคุกกี้สีแดงที่เป็นของขวัญยอดนิยมในวันปีใหม่ เริ่มแรกสุดเราก็เอากล่องมาล้างทำความสะอาดเช็ดถูให้แห้ง แล้วเราก็เอามาเป็นกล่องเก็บสิ่งของ โดยอาจจะตกแต่งกล่องเล็กน้อย แล้วเอาไปใส่เครื่องเขียนอย่างปากกาดินสอ หรือจะยกให้แม่เอาไปเก็บหลอดด้ายหรืออุปกรณ์เย็บปักถักร้อยอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน แต่อย่าเพิ่งคิดว่าชะตากรรมของกล่องคุกกี้จะหมดลงแค่นี้ วันหนึ่งสมมุติว่าเราจะเลิกใช้เป็นกล่องเก็บอุปกรณ์ เราก็เอาไปทำเป็นกระถางต้นไม้แทนก็ได้ แค่เจาะรูที่ก้นกล่องให้เป็นที่ระบายออกของน้ำ แล้วก็เอาดินมาใส่ จากนั้นก็เอาต้นไม้ที่เราต้องการจะปลูกมาใส่ไว้ในดิน เพียงเท่านี้ กล่องคุกกี้ใบเล็กๆ ก็มีประโยชน์ถึงสามต่อ

โมบายและกระถางต้นไม้จากขวดพลาสติก
รูปจาก www.handmadecharlotte.com, https://supersimple.com

เพียงเท่านี้ กล่องคุกกี้ใบเล็กๆ ก็มีประโยชน์ถึงสามต่อ อ้อ ลืมไปว่ามีฝาของกล่องเหลือไม่ได้ใช้ อันนี้ก็อย่าเพิ่งทิ้งเช่นกันเพราะยังมีประโยชน์อยู่ โดยจะเอามาทำเป็นโมบายแขวนหน้าบ้านก็ได้ อันนี้นอกจากจะได้โมบายอันใหม่แล้ว ยังได้หยิบเอาความสามารถทางศิลปะที่อยู่ในตัวคุณมาใช้อีกด้วย

อีกตัวอย่างก็คือ กระเช้าของขวัญ ไม่ว่าจะใส่ขนม หรือซุปไก่สกัด หรือผลไม้อะไรมา สำหรับผู้ที่เลี้ยงหรือรู้จักคนเลี้ยงแมว ไม่ต้องโยนกระเช้าเหล่านี้ทิ้งหรือปล่อยให้ฝุ่นจับ เพราะเอามาทำเป็นที่ให้แมวนอนได้ เพราะแมวหลายตัวก็ชอบนอนในกระเช้าแบบนี้ (หรือกล่อง) โดยจะปล่อยให้นอนในกระเช้าธรรมดา หรือจะตกแต่งให้สวยงามเป็นวิมานของแมวก็ยังได้  

ภาพจาก shoepee

หรือสมมุติว่าเรามีถ้วยใส่น้ำจิ้มพลาสติก วันหนึ่งเกิดทำถ้วยตกพื้น ปากถ้วยบิ่นไปนิดนึง แล้วที่บ้านเขาก็ไม่อยากจะใช้อีก แทนที่จะทิ้งลงถัง เราก็เอาถ้วยน้ำจิ้มที่ว่ามาใส่น้ำ แล้วเอาไปวางในที่โล่งๆ ให้นกมากินน้ำได้ 

ไม่ยากเลยใช่ไหม เพียงแค่เรามองสิ่งของต่างๆ ด้วยจินตนาการ ด้วยมุมมองความคิดที่ว่า “เจ้าสิ่งนี้สามารถเป็นอะไรได้อีก” แทนที่จะโยนทิ้งไปไว้หลังห้องหรือทิ้งถังขยะ สิ่งของเกือบทุกอย่างสามารถนำกลับมา reuse  และต่ออายุไปได้อีกนาน และถ้าเป็นไปได้ คงจะดีไม่น้อยหากมีการ “ส่งต่อความคิด” แบบนี้ไปยังคนอื่นๆ คุณอาจจะเอาภาพของสิ่งที่คุณ reuse มาโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย อธิบายเล็กน้อยว่าแต่ก่อนเคยเป็นอะไร แล้วตอนนี้กลายมาเป็นอะไร เพื่อเป็นตัวอย่างและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นๆ ได้ลองทำตามดู ดีไม่ดี อาจจะกลายเป็นกระแสของ “ต่างคนต่างทำ แต่ทุกคนต่างก็ทำ” และกลายเป็นเทรนด์ใหม่ขึ้นมาก็ได้

แต่ก็อย่าไปกดดันตัวเองว่าทุกอย่างที่เรานำมา reuse จะต้องเกิดผลสำเร็จสวยงามเสมอไปเพราะถึงแม้จะไม่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันหรือมีผลไปไกลเป็นกระแสให้คนอื่นทำตามแต่อย่างน้อยเราก็สนุกไปแล้วกับการเริ่มต้นด้วยเจตนาที่ดี

บทความ : ณัฎฐ์ธร กังวาลไกล

The post ของชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ เกิดใหม่ได้ด้วยการ Reuse ซ้ำแล้วซ้ำอีก appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

4 สิ่งที่ควรทำ! พัฒนาตัวเองช่วง COVID-19

$
0
0

#StayHome ไม่ต้องกังวลโควิด ชีวิตแฮปปี้ มาพัฒนาตัวเองให้ดีกันเถอะ

เชื่อว่าไม่มีใครคาดคิดไว้ก่อนเลยว่าโลกของเราจะประสบกับวิกฤตโควิด-19 อย่างหนักและยาวนานจนถึงขนาดนี้ มองย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2563 เริ่มเปิดปีใหม่มาเพียงไม่กี่เดือนก็ต้องมาพบกับโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่นี้ ทำให้ต้องเกิดการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตและมีผลกระทบในวงกว้างทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน การเรียน การท่องเที่ยว และแน่นอนกระทบกับการใช้ชีวิตของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเหตุทำให้เกิดการกักตัวอยู่บ้าน (stay home) และ เว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) มากขึ้น อีกทั้งในเรื่องของพฤติกรรมการใช้ชีวิตอีกมากมายที่ทุกคนต้องปรับตัวทั้งเรื่องของการ work from home (WFH) การเรียนออนไลน์ (e-learning) และพฤติกรรมการใช้ สื่อ social ต่างๆ และการ shopping online ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดเติบโตกว่า 100% 

cr : freepik.com

แม้ว่าจะมีสื่อ social และตัวช่วยทางออนไลน์มากมาย แต่การอยู่บ้านนานๆ อาจจะเกิดความเบื่อหน่ายกันได้ ดังนั้นหากเรามองในมุมกลับกัน การอยู่บ้านทำให้เรามีเวลามากขึ้นและมีโอกาสที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เพื่อพัฒนาทักษะต่างๆของตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ในส่วนของวิชาการเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายที่จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆที่น่าสนใจที่ดีต่อตัวเราเอง ขอแนะนำกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้ลองทำกันตลอดช่วงเวลาที่ stay home กัน

cr : freepik.com

Video streaming หรือการดู content online เป็นกิจกรรมง่ายๆที่หลายๆคนทำกัน แน่นอนว่าการดู content ต่างๆ นอกจากจะเพื่อความบันเทิงแล้วนั้น ยังมี content ที่น่าสนใจอีกมากมายที่ได้ความรู้และสามารถช่วยพัฒนาตัวเองได้อย่างครอบคลุมในทุกๆความชอบของเรา เช่น content สอนภาษา สอนทำอาหาร สอนออกกำลังกาย สอน DIY สิ่งของ เป็นต้น

cr : freepik.com

Online blog / online journal เราสามารถฝึกทักษะการเขียนได้โดยการเล่าเรื่องต่างๆ ผ่านตัวหนังสือ อาจจะเป็นการเล่าประสบการณ์ต่างๆ หรือแชร์เรื่องที่เรามีความรู้ให้กับผู้อื่นๆผ่านช่องทางช่องทางออนไลน์

cr : freepik.com

Reading พัฒนาทักษะในการอ่าน นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้เวลาหาความรู้เพิ่มเติมผ่านการอ่านทั้งแบบเป็นเล่มและทาง e-book ไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องเป็นเรื่องเชิงวิชาการเท่านั้น แม้แต่หนังสือการ์ตูนเองก็สามารถให้ประโยชน์และแง่คิดกับตัวเราได้ไม่มากก็น้อย

cr : freepik.com

Big cleaning/Donation ทำความสะอาดและจัดระเบียบที่อยู่อาศัย รวมถึงมุมต่างๆ ภายในบ้าน ถือเป็นอีกโอกาสที่ดีในการได้ทำความสะอาด มีเวลาคัดเลือกสิ่งของที่เราไม่ได้ใช้ หรือเกินความจำเป็น เพื่อนำไปบริจาค และเป็นการส่งต่อสิ่งดีๆให้กับคนอื่นต่อไป 

นี่เป็นเพียงไอเดียตัวอย่างในการใช้เวลาว่างระหว่างการอยู่บ้านให้เกิดประโยชน์ สำหรับเพื่อนๆที่มีโอกาสใช้เวลาว่างในการจัดระเบียบบ้าน เลือกสิ่งของไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่นๆที่ยังคงอยู่ในสภาพดี สามารถนำไปบริจาคให้กับผู้อื่นๆ หรือบริจาคให้กับร้านปันกัน เราจะพบเลยว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่าและสิ่งของหลายๆอย่างที่เกินความจำเป็นของเรานั้นสามารถส่งต่อให้ผู้อื่นเพื่อเกิดประโยชน์ได้ อย่าปล่อยให้การอยู่บ้านสูญเปล่าไปโดยไม่ได้ทำอะไร (ช่องทางการปัน https://pankansociety.com/howto/opportunity-donate )

นอกจากเราจะได้ช่วยสังคมและประเทศไทยในการอยู่บ้านหยุดเชื้อลดความเสี่ยงแล้วนั้น การแบ่งปันเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กหรือใหญ่ จำนวนน้อยหรือมาก ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมช่วยกันสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน และในขณะเดียวกันเรายังสามารถพัฒนาตัวเองและใช้เวลาให้เกิดประโยชน์อีกด้วย 

บทความ : พลอยภาวัน เอี่ยมรุ่งโรจน์

The post 4 สิ่งที่ควรทำ! พัฒนาตัวเองช่วง COVID-19 appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

ไปร้านปันกันอย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19

$
0
0

จากมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่ผ่านมา สถานที่หลายแห่งกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลายคนเริ่มปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิต New Normal ได้มากขึ้น หลังจากปิดร้านไปกว่า 2 เดือน ข่าวดีก็คือ #ร้านปันกันเปิดทุกสาขาแล้วนะ อยู่ใกล้สาขาไหน แวะมาได้เลย แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดจะไม่หนักหน่วงเท่าช่วงแรก แต่เพื่อความปลอดภัย ควรดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเองให้ดี พร้อมปฏิบัติตัวตามข้อกำหนดของภาครัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อหยุดยั้งความเสี่ยงจากโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด

ช้อปปิ้งที่ร้านอุ่นใจไม่ประมาทการ์ดห้ามตก

ปัจจุบันร้านปันกันทั้ง 15 สาขา , 1 Pop up store และคลังสินค้าแบ่งปัน ซอยอ่อนนุช 90 พร้อมเปิดให้บริการแล้ว มองหาของมือสองสภาพดีแบบไหนอยู่ก็มีให้เลือกมากมาย เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หนังสือ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา และของใช้อื่น ๆ อีกเพียบ แต่ก่อนเข้าร้านควรเข้มงวดด้านความปลอดภัยเป็นพิเศษ ลงชื่อหรือสแกน QR Code แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” ก่อนเข้าร้าน สวมใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่ในร้านตลอดเวลา ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือก่อนและหลังสัมผัสสิ่งของภายในร้าน เว้นระยะห่างผู้คนอย่างน้อย 1 เมตร หรือถ้ายังไม่แน่ใจก็สามารถช้อปผ่านร้านปันกันออนไลน์ก็ได้นะ สะดวกสบาย ไม่ต้องออกจากบ้านอีกด้วย

ช่องทางอื่นๆสำหรับผู้อยากปัน

ในกรณีที่ของบริจาคมีขนาดใหญ่ หรือมีจำนวนมากกว่า 5 ถุงดำขึ้นไป สามารถใช้บริการรถปันกันได้ ซึ่งรถปันกันจะเข้ามารับสิ่งของถึงหน้าบ้าน โดยต้องแจ้งรายละเอียดของบริจาคให้ละเอียด เลือกส่งทางไปรษณีย์มาที่คลังพัสดุปันกันก็สะดวก หรือจะนำไปใส่กล่องไว้ที่จุดรับปันตามองค์กร อาคาร หรือสถานศึกษาต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน บอกเลยว่า…ไม่ต้องไปที่ร้านเราก็ร่วมเป็นผู้ปันได้

คุณรู้ใช่ไหม? ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ปัน คุณก็เป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาได้ เพราะรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่ายสินค้าในร้านปันกันจะนำมามอบให้กับมูลนิธิยุวพัฒน์เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนโอกาสทั่วประเทศ ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 9,961 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม ธันวาคม 2563) หากพวกเขาได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ชีวิตของพวกเขาอาจเปลี่ยนไปตลอดกาล ซึ่งตอนนี้เองทางมูลนิธิยุวพัฒน์ได้ทำแคมเปญ “50 บาท ส่งน้องเรียน” ช่วยการศึกษาสู้ภัย COVID-19 ส่งน้องกลับไปเรียนหนังสือต่อ เพราะยังมีเด็กๆ ที่ขาดโอกาสอีกมากมายหลายชีวิตที่มีความเสี่ยงจะหลุดออกจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพราะพ่อแม่ตกงาน ครอบครัวขาดรายได้ มีเงินไม่พอที่จะส่งพวกเขากลับไปเรียนต่อในเปิดเทอมที่จะถึงนี้ จากพิษวิกฤต COVID-19 ชวนทุกคนมาช่วยทำให้พลังของ 50 บาททวีคูณ ด้วยการบริจาค 50 บาท ได้ที่ บัญชีมูลนิธิยุวพัฒน์ ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 095-2-15120-7 (*หากต้องการใบเสร็จ กรุณาส่งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์มือถือ และสลิปเงินโอนเงินบริจาคมาที่ ybf@ybf.premier.co.th) หรือบริจาคออนไลน์ (e-Donation) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3gSewXd

บทความ : จุติมา อนุสาย

The post ไปร้านปันกันอย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19 appeared first on ปันกัน | สังคมแห่งการแบ่งปัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์.

Viewing all 337 articles
Browse latest View live